รู้จักพลังงานแสงอาทิตย์กับการติดฟิล์มรถยนต์
ฟิล์มติดรถยนต์ที่ดี ดูค่าป้องกันรังสีอย่างไร?
การดูว่าฟิล์มติดรถยนต์ดีหรือไม่ดีนั้น ต้องดูจากอะไรบ้าง? การดูค่าการป้องกันรังสีต่างๆนั้น เราต้องมารู้จักกันก่อนว่า พลังงานแสงอาทิตย์คืออะไร? มีแสงกี่ประเภท? แล้วฟิล์มกรองแสงกรองรังสีอะไรได้บ้าง? กรองรังสีได้กี่% ถึงจะดี?
สนใจติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ เรามีฟิล์มเซรามิคทุกความเข้มให้เลือก โทรเลย
Line:@SolarFX
พลังงานแสงอาทิตย์ คือ พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งความยาวคลื่นต่างชนิดกันก็จะส่งพลังงานในรูปแบบที่ต่างกันโดยปกติแสงอาทิตย์ประกอบด้วยรังสี 3 ชนิด คือ
- รังสีอัลตราไวโอเลต (UV) 3% ช่วงความยาวคลื่น (100-380 นาโนเมตร) รังสี UVนั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เป็นรังสีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เซลผิวหนัง และยังทำให้อุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์ของท่านเสื่อมสภาพอีกด้วย
- ฟิล์มติดรถยนต์ทุกชนิด โดยปกติแล้ว จะสามารถป้องกันรังสี UV ได้มากถึง 99% อยู่แล้ว ซึ่งเป็นคุณสมบัติพื้นฐานของฟิล์มรถยนต์ ที่ควรจะห้องกันรังสี UV ได้ 99% ไม่ใช่คุณสมบัติพิเศษแต่อย่างไร
- ฟิล์มกรองแสงเซรามิค SolarFX นั้น จะช่วยป้องกันรังสี UV ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายได้สูงสุดถึง 99%
- การป้องกันรังสี UV99% ไม่ได้หมายความว่า ฟิล์มกรองแสงนั้น จะสามารถป้องกันความร้อนได้ดี เนื่องมาจาก รังสี UV มีอยู่แค่ 3% ของแสงอาทิตย์เท่านั้น
- แสงสว่าง (Visible Light) 44% ช่วงความยาวคลื่น (380-780 นาโนเมตร) เป็นช่วงรังสีจากแสงอาทิตย์ที่สามารถมองเห็นได้ มีพลังงานคิดเป็น 44% ของพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด ฟิล์มกรองแสงนั้นจะช่วยลดปริมาณแสงสว่างส่องผ่านที่เข้ามาในรถ ทำให้สามารถลดความร้อนได้ เพราะฉะนั้น “ฟิล์มกรองแสงยิ่งเข้มมาก ก็จะสามารถลดความร้อนได้ดีกว่าฟิล์มที่เข้มน้อยกว่า” โดยเราจะดูความเข้มอ่อนจากฟิล์มกรองแสงได้จาก ปริมาณแสงส่องผ่าน (VLT) ที่ระบุไว้ในสเปคฟิล์มกรองแสง
- โดยปกติแล้วฟิล์มกรองแสง SolarFX มีความเข้มให้เลือกตั้งแต่ 80(VLT5%), 60(VLT20%), 50(VLT30%), 40(VLT40%), ฟิล์มใส(VLT70%) ทำให้ลูกค้าทุกท่านได้มั่นใจว่า ฟิล์มจะมีความเข้มที่เหมาะสมกับการใช้การและความต้องการของลูกค้าอย่างแน่นอน
- ดูความเข้มฟิล์มเซรามิค40/60/80แบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ?
- ความเข้ม 40/60/80 เป็นการบอกตัวเลขเพียงแค่คร่าวๆเท่านั้น เช่น ฟิล์มกรองแสง80 อาจจะมีปริมาณแสงส่องผ่านไม่เท่ากัน เช่น แสงส่องผ่าน 3% กับ แสงส่องผ่าน 5% ก็จะเรียกฟิล์มติดรถยนต์80เหมือนกัน
- รังสีอินฟราเรด หรือ รังสีความร้อน (IR) 53% ช่วงความยาวคลื่น (700-2000 นาโนเมตร) รังสีอินฟราเรดเป็นรังสีที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่จะสามารถสัมผัสได้ในรูปของคลื่นความร้อน เป็นรังสีที่มีพลังงาน 53% ของพลังงานจากดวงอาทิตย์
- ฟิล์มติดรถยนต์ที่ดีนั้น ควรจะป้องกันรังสีอินฟราเรดได้มากกว่า 80 % ขึ้นไป ซึ่งฟิล์มเซรามิคSolarFX สามารถป้องกันรังสีอินฟราเรดได้สูงสุดถึง 93% ขับขี่เย็นสบายทุกเส้นทาง
- ฟิล์มกรองแสงที่ความเข้มมาก (VLT ต่ำ) ไม่จำเป็นต้องกันรังสีความร้อนได้ดีเสมอไป ต้องดูการห้องกันความร้อนจากรังสีอินฟราเรดด้วยเป็นหลัก
ฟิล์มกรองแสงที่กันร้อนได้ดีที่สุด ต้องเลือกอย่างไร?
- รังสี UVได้มาก- ต้องเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ที่ป้องกันรังสี UV ได้99% กันร้อนดีที่สุด
- แสงสว่างส่องผ่าน VLT ยิ่งน้อย ยิ่งกันร้อนได้ดี นั้นคือ ฟิล์มกรองแสงที่แสงสว่างส่องผ่าน 5% กันร้อนสูง
- รังสีอินฟราเรด ยิ่งกันได้สูงยิ่งดี ฟิล์มกรองแสงที่ดีควรจะกันรังสีความร้อน เกิน 80%
- ค่าสะท้อนแสง VLR ยิ่งมาก ฟิล์มยิ่งกันร้อนได้ดี
- ค่าลดความร้อนรวม ยิ่งมากยิ่งดี แนะนำให้มากกว่า 60%
- ค่า Shading Coefficient ยิ่งต่ำยิ่งดี
สรุป การกันความร้อนของฟิล์มกรองแสง ต้องดูอะไรบ้าง?
การพิจารณาค่าลดความร้อนของฟิล์มกรองแสงนั้น ต้องพิจารณาการลดความร้อนจากรังสีทั้ง 3 อย่างควบคู่กันไป ทั้งรังสี UV , ค่าแสงสว่างส่องผ่าน VLT และค่าลดความร้อนจากรังสีอินฟราเรด IRR หรือที่เรียกว่า ค่าลดความร้อนรวม หรือค่าลดความร้อนจากแสงแดด ( TSER ) จะดีที่สุด แต่เราต้องเข้าใจรังสีจากพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อที่จะเข้าใจว่าฟิล์มกรองแสงมีหลักการการทำงานอย่างไร? เพื่อการเลือกฟิล์มติดรถยนต์ ได้ถูกใจทุกท่านมากที่สุด
ฟิล์มกรองแสงที่ดี ต้องดูคุณภาพการติดตั้งฟิล์มกรองแสงจากช่างมืออาชีพ ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ เพราะฉะนั้น การติดฟิล์มโดยช่างมืออาชีพ กับการติดฟิล์มในห้องกระจก ก็ทำให้การติดฟิล์มกรองแสงคุณภาพดีขึ้นด้วย
สำหรับใครที่สนใจติดตั้งฟิล์มกรองแสงเกรดพรีเมียม ติดฟิล์มรถยนต์
สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์
Line:@SolarFX